เห็นจุดดำลอยวูบวาบ อย่านิ่งนอนใจ อาจไม่ใช่แค่สายตาพร่ามัว
แพทย์เตือนระวัง "โรควุ้นตาเสื่อม" ภัยเงียบของคนวัย 50+ เสี่ยงจอตาฉีกขาดหลุดลอก
แพทย์เตือนระวัง "โรควุ้นตาเสื่อม" ภัยเงียบของคนวัย 50+ เสี่ยงจอตาฉีกขาดหลุดลอก

พญ.รุ่งรวี สัจจานุกูล จักษุแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านกระจกตาและการผ่าตัดแก้ไขสายตา โรงพยาบาลพระรามเก้า อธิบายว่า วุ้นตาเป็นสารลักษณะคล้ายเยลลี่อยู่ในลูกตาส่วนหลัง ทำหน้าที่ช่วยรักษารูปร่างลูกตา เป็นทางผ่านของแสงและเป็นแหล่งอาหารของตา แต่เมื่อเราอายุมากขึ้น วุ้นตาจะค่อย ๆ เสื่อมสภาพ ละลายเป็นน้ำและหดตัว ทำให้เกิดการดึงรั้งจอตา คล้ายกับการลอกสติ๊กเกอร์ออกจากกระดาษ ที่บางครั้งอาจมีเนื้อกระดาษติดออกมาด้วย ซึ่งหากแรงดึงนั้นมากเกินไป ก็อาจทำให้จอตาฉีกขาดได้
แม้ว่าโรคนี้จะเกิดขึ้นตามธรรมชาติ แต่จากงานวิจัยพบว่าในกลุ่มผู้ที่มีอาการวุ้นตาเสื่อม มีเพียง 6-14.5% เท่านั้นที่พัฒนาไปถึงขั้นจอตาถูกดึงจนเกิดรอยฉีก ภาวะวุ้นตาเสื่อมจะพบมากขึ้นในผู้ที่มีปัจจัยเสี่ยง เช่น สายตาสั้นมากกว่า -6 ไดออปเตอร์ เคยผ่าตัดจอตาหรือต้อกระจก เคยได้รับอุบัติเหตุที่ดวงตา หรือผู้ที่มีโรคเบาหวานที่ควบคุมไม่ดี

พญ.รุ่งรวี ให้ข้อมูลต่อว่า การรักษาวุ้นตาเสื่อมนั้น ปัจจุบันมีทั้งวิธีเลเซอร์ เพื่อลดขนาดของตะกอนที่ลอยอยู่ในวุ้นตาให้รบกวนน้อยลง และการผ่าตัดเอาวุ้นตาออก ซึ่งถือเป็นขั้นตอนที่ต้องพิจารณาอย่างรอบคอบ เนื่องจากมีทั้งข้อดีและความเสี่ยงร่วมกัน โดยทั่วไปแพทย์จะแนะนำให้ผู้ป่วยลองปรับตัวและใช้ชีวิตร่วมกับอาการก่อน หากยังสามารถใช้ชีวิตได้ตามปกติ โดยเฉพาะในกรณีที่ตะกอนมีขนาดเล็กมาก แพทย์ส่วนใหญ่ก็จะไม่แนะนำให้รักษาด้วยวิธีเลเซอร์และการผ่าตัด เพราะทุกการรักษาย่อมมีข้อดีข้อเสียที่แตกต่างกันออกไป ดังนั้นเมื่อตรวจวินิจฉัยแล้ว คนไข้ไม่ได้มีอาการที่รุนแรงที่มีความเสี่ยง หรือส่งผลต่อการดำเนินชีวิตประจำวัน แพทย์ส่วนใหญ่จะแนะนำให้คนไข้ปรับตัวและมองข้ามจุดเล็ก ๆ เหล่านั้นไป
นอกจาก "โรควุ้นตาเสื่อม" แล้ว อีกหนึ่งปัญหาที่พบได้บ่อยในยุคดิจิทัลคือ "โรคตาแห้ง" โดยเฉพาะในผู้ที่ต้องใช้สายตาจ้องหน้าจอคอมพิวเตอร์หรือมือถือเป็นเวลานาน อยู่ในห้องปรับอากาศเป็นประจำ เผชิญกับมลภาวะ ฝุ่น ควัน หรือใส่คอนแทคเลนส์ ซึ่งหากปล่อยไว้อาจทำให้ต่อมไขมันบริเวณเปลือกตาฝ่ออย่างถาวร ส่งผลให้ไม่สามารถสร้างน้ำมันเพื่อเคลือบดวงตาได้อีก ทำให้ตาแห้งเรื้อรัง มีอาการระคายเคือง พร่ามัว แพ้แสง และในบางรายอาจส่งผลให้เกิดความเครียดจนนำไปสู่ภาวะซึมเศร้า

สำหรับการตรวจสุขภาพตานั้น ควรเริ่มตั้งแต่อายุน้อย โดยผู้ที่อายุต่ำกว่า 40 ปี ควรตรวจตาอย่างน้อยทุก 5 ปี สำหรับผู้ที่มีอายุตั้งแต่ 40-64 ปี ควรตรวจตาทุก ๆ 1-3 ปี ส่วนผู้ที่มีอายุ 65 ปีขึ้นไป หรือมีประวัติโรคตาในครอบครัวหรือมีปัจจัยเสี่ยงสูง ควรตรวจปีละครั้ง และหากพบว่ามีภาวะเสื่อม หรือมีปัจจัยเสี่ยงต่าง ๆ แพทย์อาจแนะนำให้ตรวจถี่ขึ้น เช่น ทุก 3-6 เดือน
โรงพยาบาลพระรามเก้า ตระหนักถึงความสำคัญของ "โรควุ้นตาเสื่อม" จึงผนึกกำลังกับ Plan B Media เปิดตัวบิลบอร์ดกลางเมืองให้เป็น "สัญญาณเตือนภัย" ที่ไม่เพียงแค่โฆษณา แต่ออกแบบมาให้คุณสามารถตรวจเช็กตัวเองง่าย ๆ ว่าคุณมีภาวะเสี่ยงวุ้นตาเสื่อมหรือไม่ ด้วย 3 เวอร์ชันที่จำลองอาการจริงของผู้ป่วย ทั้งการเห็นหยากไย่ จุดดำ และวุ้นน้ำขุ่นในสายตา เพื่อให้ทุกคนได้สำรวจตัวเองเบื้องต้นว่ามีอาการคล้ายเป็น "โรควุ้นตาเสื่อม"หรือไม่
อย่ารอให้สายตาเป็นเพียงความทรงจำ สำหรับผู้ที่สนใจปรึกษาเรื่องภาวะวุ้นในตาเสื่อม สามารถสอบถามรายละเอียดได้ที่ โทร. 1270 หรือ Website: www.praram9.com / Line: lin.ee/vR9xrQs หรือ @praram9hospital และ Facebook: Praram9 Hospital โรงพยาบาลพระรามเก้า HEALTHCARE YOU CAN TRUST เรื่องสุขภาพ…ไว้ใจเรา #Praram9Hospital อย่าลืมชวนคนที่คุณรัก มาร่วม "โอบกอดสุขภาพดีไปด้วยกัน" เพื่อสุขภาพที่ดีขึ้นในทุก ๆ วัน
