Skip ไปที่เนื้อหา

Respiratory Syncytial Virus : RSV ไวรัสตัวร้าย อันตรายต่อเด็ก

กรุณาโพสต์หัวข้อให้ถูกห้อง-คอลัมน์ นี่คือ เว็บบอร์ดเทคนิคการแพทย์ ข่าวประชาสัมพันธ์ ประกาศรับสมัครงานเทคนิคการแพทย์
โพสต์ของท่านอาจจะยังไม่แสดงผลทันที จนกว่าจะได้รับการยืนยันจากผู้ดูแลระบบ ห้ามโพสต์ข้อความเดิมซ้ำๆ
ไม่รับโพสต์ที่ไม่มีเนื้อหา หรือมีเฉพาะการฝากลิ้งค์
ห้ามใส่เครื่องหมายหน้าหัวข้อประกาศ ห้ามใส่เบอร์โทรศัพท์ในหัวข้อประกาศ

ตอบกลับหัวข้อนี้


คำถามนี้ เพื่อป้องกันการส่งแบบอัตโนมัติจากสแปมบอท
Upload a picture
» postimg.cc
» imgur.com
» pic.in.th
> copy BBCode Full
> or put a picture url in tag [img]url[/img]
รูปแสดงอารมณ์
:D :) ;) :( :o :shock: :? 8-) :lol: :x :P :oops: :cry: :evil: :twisted: :roll: :!: :?: :idea: :arrow: :| :mrgreen: :geek: :ugeek:

BBCode เปิด
[img] เปิด
[url] เปิด
[Smile icon] เปิด

กระทู้แนะนำ
   

มุมมองที่ขยายได้ กระทู้แนะนำ: Respiratory Syncytial Virus : RSV ไวรัสตัวร้าย อันตรายต่อเด็ก

Respiratory Syncytial Virus : RSV ไวรัสตัวร้าย อันตรายต่อเด็ก

โดย BeemLAB » พฤหัสฯ. 28 ส.ค. 2025 3:39 pm

RSV ไวรัสตัวร้าย อันตรายต่อเด็ก
RSV
กรมการแพทย์ โดยสถาบันสุขภาพเด็กแห่งชาติมหาราชินี หมอเด็กห่วงใยในช่วงนี้เป็นช่วงที่ไวรัสทางเดินหายใจหลายชนิดเริ่มระบาดมากขึ้น หนึ่งในไวรัสที่ควรเฝ้าระวังคือไวรัส RSV หรือ Respiratory Syncytial Virus เป็นไวรัสที่ทำให้เกิดการติดเชื้อในระบบทางเดินหายใจ โดยเฉพาะในเด็กอายุต่ำกว่า 3 ปี ในประเทศไทยฤดูกาลระบาดของ RSV เริ่มเมื่อเข้าสู่ฤดูฝนประมาณเดือนมิถุนายนถึงกรกฎาคม และระบาดสูงสุดในเดือนสิงหาคมถึงตุลาคม หลังจากนั้นจะลดน้อยลงไปเมื่อเข้าสู่เดือนพฤศจิกายนและธันวาคม ผู้ปกครองควรหมั่นสังเกตอาการของบุตรหลานอย่างใกล้ชิด
Image
นพ.ธนินทร์ เวชชาภินันท์ รองอธิบดีกรมการแพทย์ เปิดเผยว่า RSV เป็นไวรัสที่ติดต่อผ่านการหายใจเอาละอองเสมหะของผู้ป่วยที่ติดเชื้อ RSV เช่น น้ำมูก น้ำลาย เข้าสู่ร่างกาย หรือผ่านการสัมผัสสารคัดหลั่งของผู้ที่ติดเชื้อหรือวัตถุที่มีการปนเปื้อน โดยไวรัสจะเข้าสู่ร่างกายผ่านทางเยื่อบุตา จมูก ปาก และมักจะมีอาการใน 4 – 6 วัน หลังได้รับเชื้อ โดยเฉพาะเด็กเล็ก จะมีไข้ ไอ น้ำมูก รับประทานอาหารได้น้อยลง หายใจหอบเหนื่อย อกบุ๋ม รวมไปถึงได้ยินเสียงปอดผิดปกติ การวินิจฉัยทำได้โดยตรวจหาเชื้อไวรัสจากสารคัดหลั่งในจมูก ในรายที่มีอาการรุนแรงอาจตรวจเพิ่มเติมด้วยการ x-ray ทรวงอก หากสงสัยว่าการติดเชื้อนั้นลุกลามจนเกิดภาวะปอดอักเสบ การรักษายังไม่มียารักษาการติดเชื้อ RSV โดยตรง เป็นการรักษาแบบประคับประคองตามอาการ เช่น การให้ยาลดไข้ ยาแก้ไอละลายเสมหะ ดูแลให้เด็กดื่มน้ำให้เพียงพอเพื่อป้องกันภาวะขาดน้ำและรักษาร่างกายให้อบอุ่น หากไม่มีการติดเชื้อแบคทีเรียแทรกซ้อนไม่จำเป็นต้องให้ยาปฏิชีวนะ ในรายที่อาการไม่รุนแรงเด็กสามารถพักฟื้นที่บ้านได้ โดยได้รับการดูแลจากผู้ปกครองอย่างใกล้ชิด ในรายที่มีอาการรุนแรงแพทย์อาจพิจารณาให้นอนรักษาตัวในโรงพยาบาล
Image
นพ.อาคม ชัยวีระวัฒนะ ผอ.สถาบันสุขภาพเด็กแห่งชาติมหาราชินี กล่าวเพิ่มเติมว่า การป้องกันโรคติดเชื้อไวรัส RSV สามารถทำได้หลายวิธี โดยเริ่มจากการดูแลสุขอนามัยพื้นฐาน ได้แก่ การล้างมือบ่อยๆ โดยเฉพาะก่อนรับประทานอาหารและหลังเข้าห้องน้ำ รวมถึงการสอนให้เด็กปิดปากและจมูกทุกครั้งเมื่อไอหรือจาม นอกจากนี้ควรหลีกเลี่ยงการพาเด็กไปในสถานที่แออัดโดยเฉพาะช่วงที่มีการระบาด รวมถึงหมั่นทำความสะอาดบ้านและสิ่งของที่ใช้ร่วมกันเป็นประจำ เช่น ลูกบิดประตู ของเล่น หรืออุปกรณ์ต่างๆ ควรให้เด็กนอนหลับพักผ่อนอย่างเพียงพอ และรับประทานอาหารที่มีประโยชน์เพื่อเสริมสร้างภูมิคุ้มกันร่างกายให้แข็งแรง หากเด็กมีอาการเจ็บป่วย ควรให้หยุดเรียนอย่างน้อย 5–7 วัน หรือจนกว่าอาการจะหายเป็นปกติ เพื่อลดโอกาสการแพร่กระจายของเชื้อ ทั้งนี้เด็กควรหลีกเลี่ยงการได้รับควันบุหรี่ เพราะเป็นปัจจัยเสี่ยงที่ทำให้อาการจากการติดเชื้อ RSV รุนแรงมากขึ้น ในปัจจุบันมีการใช้ภูมิคุ้มกันสำเร็จรูป Nirsevimab เพื่อช่วยป้องกันการติดเชื้อ RSV ที่รุนแรงในระบบทางเดินหายใจส่วนล่าง เช่น หลอดลมฝอยอักเสบหรือปอดอักเสบ อย่างไรก็ตาม การใช้ Nirsevimab ควรอยู่ภายใต้คำแนะนำของแพทย์ เพื่อประเมินความเสี่ยงและความเหมาะสมเป็นรายบุคคล โดยเฉพาะในเด็กเล็กและเด็กที่มีปัจจัยเสี่ยง เช่น โรคปอดเรื้อรังจากการคลอดก่อนกำหนด ภาวะภูมิคุ้มกันบกพร่องรุนแรง หรือโรคหัวใจพิการแต่กำเนิด การดูแลสุขอนามัยและสังเกตอาการของบุตรหลานอย่างใกล้ชิด จะช่วยลดความเสี่ยงและป้องกันภาวะแทรกซ้อนได้
Image

ไปข้างบน